ประวัติอันยิ่งใหญ่ของอิสลาม

ประวัติอันยิ่งใหญ่ของอิสลาม
เรียนรู้ประวัติอิสลาม

วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

ราชวงศ์ฟาฏิมิยะฮฺ



อุบัยดุลลอฮ อัล มัฮดี (Ubaidulah al Mahdi) เป็นผู้สถาปนาราชวงศ์ฟาฏิมียะฮที่ตูนีเซีย เมื่อ ฮ . ศ . 297/ ค . ศ . 909 ต่อมาก็ย้ายมาอยู่ที่อียิปต์ อุบัยดุลลอฮเป็นผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากครอบครัวของท่านศาสดาซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม “ อะฮลุล บัยต ” (Ahlul Bait) ท่านได้สืบเชื้อสายจากบุตรีของท่านศาสดา ( ขอความจำเริญและความสันติจงมีแด่ท่าน ) ที่มีชื่อว่าฟาฏิมะฮ ดังนั้นราชวงศ์นี้จึงถูกขนานนามว่า “ ราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ ” ราชวงศ์นี้ถือเป็นราชวงศ์เล็ก ๆ ที่ประกาศตัวเป็นอิสระจากเคาะลีฟะฮของราชวงศ์อับบาซียะฮแห่งแบกแดด ผู้นำราชวงศ์ฟาฏิมียะฮจะเรียกตัวเองว่า “ เคาะลีฟะฮ ” เช่นเดียวกับผู้นำของราชวงศ์อับบาซียะฮ ดังนั้นในสมัยนี้จึงถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อิสลามที่โลกมุสลิมมีสองเคาะลีฟะฮ ต่อมาอับดุลเราะหมานที่ 3 แห่งสเปนก็ขนานนามตัวเองว่า “ เคาะลีฟะฮ ” อีกท่านหนึ่ง


ในสมัยของอัล มุอิส บิลลาฮ (al Muiz bi Allah) ฮ . ศ . 341/953 เคาะลีฟะฮคนที่ 4 แห่งราชวงศ์ฟาฏิมียะฮผู้มีศักดิ์เป็นแหลนของอุบัยดุลลอฮ ท่านได้ส่งรี้พลจำนวนมหาศาลไปยังอียิปต์ ภายใต้การนำทัพของเญาวฮัร (Jawhar) เมื่อวันที่ 17 ชะอบาน ฮ . ศ . 358 ตรงกับวันที่ 17 กรกฎาคม ค . ศ . 969 อียิปต์ก็ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ ต่อมาในปี ฮ . ศ . ที่ 362 / ค . ศ . 973 เคาะลีฟะฮมุอีสได้ย้ายเมืองหลวงจากตูนีเซียมายังอียิปต์ และได้สร้างเมืองใหม่ที่อียิปต์ นั้นคือ กอฮิเราะฮ ( ไคโร ) ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นศูนย์กลางการบริหารแผ่นดินของราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ หลังจากที่ย้ายเมืองหลวงจากตูนีเซียมาอยู่ที่อียิปต์ ราชวงศ์ฟาฏิมียะฮได้ครอบครองดินแดนต่าง ๆ เช่น ซีเรีย เลบานอน และในสมัยนี้เองที่ถือเป็นยุคทองของราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ และในยุคนี้เช่นกันที่มหาวิทยาลัย อัล อัสฮัร (Al Azhar) ได้รับการสถาปนา มหาวิทยาลัยอัล อัสฮัรแห่งนี้ถือเป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูงที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่สร้างขึ้นเมื่อปีฮิจญเราะฮศักราชที่ 359/ ค . ศ . 970 โดยมีเญาฮัรเป็นผู้ควบคุมดูแลในการก่อสร้าง (Yahaya and Halimi, 1994 : 332)


ในสมัยของอัล อะดีด (al Adid) เคาะลีฟะฮคนสุดท้ายแห่งราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ ท่านเป็นผู้นำที่อ่อนแอ กอรปกับในสมัยดังกล่าวได้เกิดการแย่งชิงตำแหน่งวะสีร (wazir) ชาวัร (Shawar) เป็นคนหนึ่งที่ประสงค์จะดำรงตำแหน่งเป็นวะสีร แต่ต้องประสบกับความผิดหวัง จากความล้มเหลวในครั้งนี้ ท่านจึงเดินทางไปยังซีเรียเพื่อขอความช่วยเหลือจากนุร อัล - ดีน สังกี (Nur al Din Zanki) ผู้ครองเมืองซีเรียในสมัยนั้น นูร อัล - ดีน สังกีจึงส่งทหารไปยังอียิปต์ ผู้นำทัพในครั้งนี้คือ ชิรกุฮ (Shirquh) ต่อมาได้เกิดสงครามระหว่างทหารของชิรกุฮกับกองทหารฟาฏิมียะฮ สุดท้ายชิรกุฮได้รับชัยชนะ จากชัยชนะในครั้งนี้ทำให้ชาวัรได้รับการแต่งตั้งให้เป็นวะสิรของอียิปต์สมดังความตั้งใจ


ต่อมาทหารครูเสดได้ทำสงคามกับอียิปต์ ซึ่งเป็นเหตุทำให้นูร อัล - ดีน สังกีตัดสินใจส่งทหารไปร่วมรบให้กับอียิปต์ ผู้นำที่เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้คือ ชิรกุฮ และเศาะลาห อัล - ดีน อัล อัยยูบี (Salah al Din al Ayyubi)


ต่อมาเมื่อชิรกุฮได้เสียชีวิต ตำแหน่งแม่ทัพของท่านก็มอบให้แก่เศาะลาห อัล - ดีน อัล อัยยูบี เมื่อเคาะลีฟะฮ อัล อะดีดสิ้นพระชนม์เมื่อ ค . ศ . 1171 เศาะลาห อัล - ดีนก็กลายเป็นผู้ปกครองของอียิปต์ และได้สถาปนาราชวงศ์อัยยูบิยะฮ โดยอยู่ภายใต้เคาะลีฟะฮของราชวงศ์อับบาซียะฮแห่งแบกแดด (Yahaya and Halimi, 1994 : 334) หลังจากเศาะลาห อัล - ดีนกลายเป็นผู้นำของอียิปต์ ท่านได้พยายามเปลี่ยนมัษฮับของปวงประชาราษฎร์จากมัษฮับชีอะฮให้มานับถือมัษฮับซุนนี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น